วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

Post-Modernism - ศิลปะป็อปอาร์ต (Pop Art)

ศิลปะป็อปอาร์ต (Pop Art)

ศิลปะปอปอาร์ต เป็นแบบอย่างของศิลปะที่สร้างความตื่นเต้นพุ่งขึ้นมาทันทีทันใดแก่ผู้พบเห็น อันมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับคนทั้วๆไป เป็นเรื่องราวที่แสดงความเป็นอยู่ปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับ ศาสนา ความเชื่อ หรือ โบราณนิยายอย่างแต่ก่อนๆ ใช้เทคนิคตามแบบอย่างศิลปะแอบสแตรค และเอ็กซเพรสชั่นนิสม์ ศิลปินกลุ่มนี้ล้วนเป็นศิลปินรุ่นหนุ่ม ล้วนมีความคิดแปลกใหม่ ก้าวหน้า มีความเชื่อเกี่ยวกับศิลปะว่า ศิลปะ “สร้างขึ้นมาจากสัพเพเหระของชีวิตปัจจุบัน ในช่วงระยะหนึ่ง เวลาหนึ่ง ซึ่งสะท้อนความรู้พื้นฐานธรรมดา ที่ศิลปินมีส่วนร่วมอยู่ด้วย” ทางด้านเทคนิค ใช้เทคนิคทุกอย่างของแอบสแตรค เช่น วิธีหยด สลัก ป้าย เส้นรอบนอกคม ตามที่ศิลปินต้องการ ทางด้านเรื่องราวก็พยายามเน้นรูปวัตถุให้คมชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้น และบางทีก็มีความหมายเสียดสีสังคม สะท้อนสังคมยุคปัจจุบันด้วย

ศิลปินที่สร้างสรรค์งานศิลปะปอปอาร์ต 5 ท่านคือ


1.รอย ลิชเทนสเตน (Roy Lichtenstein)
เป็นศิลปินพ็อพอีกคนที่มีชื่อเสียงในระดับซูเปอร์สตาร์ แต่ยังไม่ถึงขั้น "ดาวสังคมไฮโซ" เท่า วอร์ฮอล ลิชเท็นสไตน์ มีลักษณะเฉพาะตัวด้วยการสร้างงานให้เป็นแนวการ์ตูน เขาหยิบยืมรูปแบบของสิ่งพิมพ์การ์ตูนอุตสาหกรรมที่เล่าเรื่องเป็นช่องๆ มีลักษณะพิเศษอยู่ที่การตัดเส้นภาพลายเส้นด้วยเส้นทึบดำ สร้างสีและน้ำหนักของภาพด้วยการใช้แถบเม็ดสี แถบริ้วสี (เม็ดสกรีนและแพนโทน) บางครั้ง ลิชเท็นสไตน์ ถึงกับนำภาพจากหนังสือการ์ตูนที่วางขายในท้องตลาดมาดัดแปลงเล็กน้อยให้เป็นผลงานของตัวเอง จุดที่พิเศษไปจากการ์ตูนสิ่งพิมพ์อุตสาหกรรมราคาถูกก็คือ ลิชเท็นสไตน์ นำลักษณะดังกล่าวมาทำเป็นงานจิตรกรรมขนาดใหญ่ เรียกได้ว่า ระบายสีทำงานจิตรกรรมให้เป็นลักษณะอุตสาหกรรม หรือพูดอีกอย่าง ทำสิ่งพิมพ์ให้เป็นจิตรกรรม ทำ ศิลปะระดับล่าง (โลว์ อาร์ต) ให้เป็น ศิลปะชั้นสูง (ไฮ อาร์ต) หรือสลับกันและที่ขาดไม่ได้เช่นเดียวกับ แอนดี้ วอร์ฮอล คือการหยอกล้องานคลาสสิคบรมครู ลิชเท็นสไตน์ นำเอาภาพชั้นยอดอย่างเช่น งานสีน้ำมันภาพโบสถ์อันโด่งดังของ โมเนต์ (Monet) ภาพคนเดินหว่านเมล็ดพันธุ์พืชของ วินเซนต์ แวน โก๊ะ (Vincent van Gogh) ภาพนามธรรมเรขาคณิตของ มงเดรียน (Mondrian) และภาพปลาในโหลแก้วของ มาติสส์ มาทำเป็นจิตรกรรมและภาพพิมพ์ในลักษณะที่เป็นสิ่งพิมพ์อุตสาหกรรม ดูเหมือนสินค้าแบบพ็อพในตลาด


Roy Lichtenstein,The Kiss, 1962. Oil on canvas.

2.แคลลส์ โอลเดนเบอร์ก (Claes Oldenburg)
ตอบสนองอาหารสำเร็จรูปที่คนชอบให้เห็นได้เป็นก้อนโต เพื่อชี้แจงให้คนทั่วไปเห็นความสำคัญ และตื่นเต้น เช่น ทำรูปแฮมเบอร์เกอร์ ขนาดยักษ์ด้วยหมอน เป็นต้น


                                                                                         Giant Hamburger,1962


                            Ice Cream Dessert

3.เจมส์ โรเซนควิสท์ (James Rosenquist)



ตอบสนองทางด้านโฆษณา เครื่องหมายการค้า

James Rosenquist, I Love You with My Ford, 1961

4.แอนดี วาฮอล (Andy Warhol
ไม่เป็นเพียงหั;หอกของกลุ่มศิลปินพ็อพ แต่เป็นศิลปินชั้นนำระดับซูเปอร์สตาร์ของอเมริกาหรือของโลกเลยทีเดียว นอกจากจะเป็นศิลปินที่มีผลงานยอดเยี่ยมเป็นที่ชื่นชอบแล้ว วอร์ฮอล ยังเป็นดาวสังคมของนครนิวยอร์คอีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งชีวิตและผลงานของเขาเป็น "พ็อพ" มากๆ เลยทีเดียว ลักษณะเฉพาะตัวของ วอร์ฮอล ที่ทุกคนรู้จักดีคือ การทำงานจิตรกรรมด้วยเทคนิคภาพพิมพ์ซิลค์สกรีน เทคนิคดังกล่าวเป็นวิธีการสร้างงานพิมพ์ในระดับอุตสาหกรรม มักจะใช้ในแวดวงโฆษณาขายสินค้า เช่น ทำโปสเตอร์ บิลบอร์ด และพิมพ์ลวดลายลงบนเสื้อยืด ในสมัยนั้นเทคนิคนี้ยังถือว่าเป็นของค่อนข้างใหม่

แอนดี้ วอร์ฮอล ใช้เทคนิคอุตสาหกรรมนี้พิมพ์ภาพดารา นักร้อง และคนดังระดับตลาดมหาชน เช่น พิมพ์ภาพ มาริลีน มอนโร อลิซาเบ็ธ เทเลอร์ และ เอลวิส เพรสลีย์ บ้างก็พิมพ์ภาพผลงานจิตรกรรมระดับคลาสสิคที่ขึ้นหิ้งของโลก เช่น ภาพ โมนา ลิซ่า (ยอดฮิตที่สุดของการถูกนำไปใช้ ถูกนำไปล้อเลียน) ภาพเทพ วีนัส ฝีมือ บอตติเซลลี ภาพทั้งหมดนี้ วอร์ฮอล นำมาพิมพ์ด้วยสีฉูดฉาดเตะตาในจำนวนเยอะๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรียงกันเป็นพรืดแบบสินค้าอุตสาหกรรมที่ผลิตซ้ำได้ทีละมากๆ


                 Andy Warhol : Green Marilyn C.1964

5.ทอมเวสเสลแมน (Tom Wesselman)
สนใจตอบสนองด้านภาพปะติด และจิตรกรรม


                                                 Tom Wesselmann, «Still Life # 28», 1963

แม้ว่าความเคลื่อนไหวของ พ็อพ อาร์ต จะมีความตื่นตัวที่สุดในราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 แต่แนวทางของ พ็อพ อาร์ต ยังคงร่วมยุคร่วมสมัยกับสังคมและวงการศิลปะในปัจจุบันเป็นอย่างดี เพราะพวกเรายังอยู่ในสังคมยุควัฒนธรรมพ็อพ หรือตามที่มีเสียงกระหึ่มดังว่าเป็นสังคมยุค หลังสมัยใหม่ (โพสต์โมเดิร์น) กันไปแล้ว เป็นยุคสมัยที่อะไรๆ จากยุคสมัยใหม่ก็ถูก "ถอดรื้อ" และถูกตรวจสอบไปเสียหมด เป็นยุคที่อะไรๆ ก็ถูก "ทำให้พ็อพ" ของสูงก็ถูกทำให้กลายเป็นของสามัญ กลายเป็นสินค้าสำหรับซื้อขายไปเสียทุกอย่าง

ศิลปิน: จิม ไดน์ (Jim Dine, 1935-), ริชาร์ด แฮมิลตัน (Richard Hamilton, 1922-), เดวิด ฮอคนีย์ (David Hockney,1937-), โรเบิร์ต อินเดียนา (Robert Indiana, 1928-), อาร์.บี. คิทาจ์ (R.B. Kitaj, 1932-), รอย ลิชเท็นสไตน์ (Roy Lichtenstein, 1923-1997), เคลส์ โอเด็นเบิร์ก (Claes Oldenberg, 1929-), ซิกมาร์ โพลเก้ (Sigmar Polke, 1941-), แกร์ฮาร์ด ริชเตอร์ (Gerhard Richter, 1932-), เจมส์ โรเซ็นควิสท์ (James Rosenquist, 1933-), เอ็ด รัสก้า (Ed Ruscha, 1937-), แอนดี้ วอร์ฮอล (Andy Warhol, 1927-1987), ทอม เวสเซ็ลแมนน์ (Tom Wesselmann, 1931-)

แหล่งอ้างอิง :
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=warramutra&date=06-05-2008&group=7&gblog=53
http://www.tumblr.com/tagged/Tom+Wesselmann

งานกลุ่มมรดกโลก "Machu Picchu"

" Machu Picchu "

มุมมองของ Machu Picchu จาก Huayna Picchu , แสดง Hiram Bingham ทางหลวงใช้รถทัวร์และจากของเมือง Aguas Calientes

บทนำ

มาชูปิกชู หรือนิยมเรียกอีกชื่อว่า เมืองสาบสูญแห่งอินคา เป็นซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคา
ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงในประเทศเปรู ที่ความสูงประมาณ 2,350 เมตร อารยธรรมแห่งนี้ได้ถูกลืมโดยคนภาย
นอกจนกระทั่งมีการค้นพบอีกครั้งโดยนักโบราณคดีที่ชื่อ ไฮแรม บิงแฮม เมื่อ พ.ศ. 2454 มาชูปิกชูเป็น
หลักฐานที่สำคัญของจักรวรรดิอินคา ในปี พ.ศ. 2526 องค์กรยูเนสโกได้กำหนดมาชูปิกชูให้เป็นมรดกโลก
โดยทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมไปศึกษาประวัติศาสตร์

7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 มาชูปิกชูได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลง
คะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ


ถ่ายภาพทิวทัศน์ของ Machu Picchu, มองไป Huayna Picchu

ที่ตั้งภูมิประเทศ

ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์
มาชูปิกชูตั้งอยู่ห่างจากเมืองกุสโกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 70 กิโลเมตรบนยอดของทิวเขามาชูปิกชู
ที่ระดับ 2,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล สถานที่แห่งนี้นับเป็นศูนย์กลางที่มีความสำคัญยิ่งทางโบราณคดี
ของอเมริกาใต้ และเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวเกือบทุกคนที่มาเยือนประเทศเปรู

จากยอดเขา ณ หน้าผามาชูปิกชู เป็นหน้าผาที่มีลักษณะดิ่งชันสูงถึง 600 เมตรจากฐานที่เป็นแม่น้ำคือ แม่น้ำอารูบัมบา
ที่ตั้งของตัวเมืองนับเป็นความลับทางการทหารก็เนื่องจากการเป็นหน้าผาสูงชันที่มีอันตราย
ที่เป็นปราการป้องกันธรรมชาติอันยอดเยี่ยมนั่นเอง

ในปี พ.ศ. 2546 มีผู้คนประมาณ 400,000 คน ไปท่องเที่ยวที่มาชูปิกชู และยูเนสโกได้ส่งข้อความสารแสดงถึง
ความเสียหายจากนักท่องเที่ยวที่ไปเป็นจำนวนมาก แต่ทางผู้มีอำนาจของทางเปรูบอกว่าเรื่อง
นั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ถึงอย่างไรการคัดค้านนั้นทำให้มีการเรียกเก็บเงินจากผู้ที่ไปเที่ยวชมและจำกัดจำนวนผู้เช้า
ชมและได้มีการเสนอให้ติดตั้งรถกระเช้า แต่ข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธอยู่ตลอดและดูไม่มีทางจะเป็นไปได้ทุกที

(ผู้สร้าง/อายุ/สมัย)


มาชูปิกชู คาดว่า่สร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 1450 โดยจักรพรรดิปาชากูตีของชางอินคา มาชูปิกชู ถูกปล่อยทิ้งไว้นับร้อยปี จนกระทั่งชาวสเปนได้ชัยชนะเหนือเปรูใน ค.ศ.1572 และพวกเขาได้รับทราบเรื่องราว และข้อมูลเกี่ยวกับ มาชู ปิกชู มาก่อน แต่ก็ไม่ได้แตะต้องมัน

จนกระทั่งนักโบราณคดีได้ค้นพบมันอีกครั้ง และเปิดเผยต่อโลกให้ได้รับรู้ มีหลายทฤษฏีเกี่ยวกับการสร้าง มาชู ปิกชู ขึ้นเช่น บ้างว่าก็เป็นการสร้างเพื่อถวายต่อเทพเจ้า บ้างก็ว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของจักรพรรดิและชาวเมืองอินคา บางทฤษฏีก็กล่าวว่าอาจสร้างขึ้นเพื่อทดลองทางการเกษตรกรรม


ชูปิกชูสร้างขึ้นประมาณ 1,450 ณ ความสูงของ Inca Empireมันถูกยกเลิกเพียง 100 ปีต่อมาใน 1572 เป็นผลล่าช้าของ สเปน Conquest มันอาจจะมากที่สุด ของพลเมืองที่ถูกเช็ดออกโดย ฝี ก่อนสเปน conquistadores มาในพื้นที่ และปรากฏว่าพวกเขาทราบ Piccho เป็นสถานที่ที่เรียกว่าถึงแม้ว่าจะมีการบันทึกใดของสเปนมี visited เมืองไกล Conquistadors defaced หินศักดิ์สิทธิ์ในสถานที่อื่น ๆ แต่พวกเขามิได้ถูกแตะต้องที่ Machu Picchu

หนึ่งในทฤษฎีเก่าที่เกี่ยวกับป้อมวัตถุประสงค์ของโดย Hiram Bingham, คือว่าเป็นแหล่งกำเนิดดั้งเดิมของหญิงพรหมจารี"Incan ของซัน" 5 วิจัยดำเนินการโดยนักวิชาการเช่น John Rowe และ Richard Burger ได้ นักโบราณคดีส่วนใหญ่เชื่อว่า Machu Picchu เป็นจักรพรรดิอสังหาริมทรัพย์ของ Inca, Pachacuti

นอกจากนี้ Johan Reinhard แสดงหลักฐานว่าเว็บไซต์ที่ถูกเลือกเพราะตำแหน่งที่สัมพันธ์กับลักษณะภูมิประเทศศักดิ์สิทธิ์เช่นจะเป็นภูเขาที่มีเจตนาเพื่อ ให้สอดคล้องกับเหตุการณ์สำคัญทางดาราศาสตร์ที่จะได้รับสำคัญ Incas


รูปแบบศิลปะและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม


ถ่ายภาพทิวทัศน์ของส่วนที่อยู่อาศัย

สถาปัตยกรรม Incan


สถานที่ปรักหักพังของ Machu Picchu แบ่งออกเป็นสองส่วนหลักที่รู้จักกันเป็นเมืองและภาคการเกษตรหารด้วยผนัง ภาคเกษตรกรรมจะแบ่งต่อไปในตอนล่างและภาคขณะที่ในเมืองแบ่งออกเป็นภาคตะวันตกและภาคตะวันออกคั่นด้วย plazas กว้าง
อาคารศูนย์กลางของ Machu Picchu ใช้ classical Inca style สถาปัตยกรรมของผนังหินขัดแห้งรูปร่างปกติ Incas คือต้นแบบของเทคนิคนี้เรียกว่า ashlar ซึ่งในกลุ่มของหินถูกตัดให้พอดีกันแน่นไม่มี ปูน Incas ในหมู่ที่ดีที่สุด masons หินโลกได้เห็นและแยกต่างๆในเมืองศูนย์กลางจึงเหมาะที่จะกล่าวไม่ได้พอดีกับใบของหญ้าระหว่างหิน



บางอาคาร Inca ถูกสร้างโดยใช้ ปูน แต่โดยมาตรฐาน Inca นี้อย่างรวดเร็วการก่อสร้างต่ำและไม่ได้ใช้ในการก่อสร้างอาคารสำคัญ เปรูเป็นอย่าง แผ่นดินไหว ที่ดินและก่อสร้างปูนฟรีได้ more แผ่นดินไหวทนกว่าการใช้ปูน หินของกำแพงหินแห้งสร้างโดย Incas สามารถย้ายเล็กน้อยและวางใหม่โดยผนังยุบ

ผนัง Inca แสดงรายละเอียดการออกแบบจำนวนมากที่ยังช่วยปกป้องพวกเขาจากการยุบในกรณีแผ่นดินไหว บานประตูและหน้าต่างเป็น trapezoidal และเอียงเข้าข้างจากล่างขึ้นบน; มุมมักจะมีปัด; มุมเอียงเล็กน้อยภายในมักจะเป็นห้องพักและ"L รูปบล็อค"มักถูกนำมาใช้ผูกมุมด้านนอกของโครงสร้างร่วมกัน ผนังเหล่านี้ไม่ขึ้นตรงจากล่างขึ้นบน แต่มี offset เล็กน้อยจากแถวไปแถว
Incas ไม่ใช้ ล้อ ในลักษณะการปฏิบัติใดๆ ใช้ในของเล่นแสดงให้เห็นว่าหลักการเป็นที่รู้จักกันดีกับพวกเขาแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ในงานวิศวกรรมของ ขาดการ strong สัตว์ร่าง เป็นภูมิประเทศและหนาแน่นปัญหาพืชอาจแสดงว่าทำไม่ได้ วิธีการย้ายและวางก้อนหินใหญ่ยังคงลึกลับแม้ว่าความเชื่อทั่วไปคือพวกเขาใช้หลายร้อยคนที่จะผลักดันหินขึ้นเครื่องบินเอียง บางหินยังมีปุ่มปรับพวกเขาที่จะได้รับใช้คันโยกลงในตำแหน่ง; เชื่อว่าหลังจากที่หินถูกวาง Incas จะมีขัดลูกบิดไป แต่บางคนมองข้าม
เขตระเบียงของ Machu Picchu

พื้นที่ประกอบด้วย 140 โครงสร้างหรือคุณสมบัติรวมทั้งวัด เขตรักษาพันธุ์ , สวน และที่พักอาศัยที่มีบ้านหลังคามุงหลังคา มีกว่า 100 เที่ยวบินของหิน - ขั้นตอนมักจะแกะสลักอย่างสมบูรณ์จากบล็อกเดียวของเป็นหินแกรนิตและจำนวนมากของน้ำพุน้ำที่เชื่อมต่อระหว่างกันโดยช่องทางและน้ำในท่อระบายน้ำเจาะหินที่ถูกออกแบบสำหรับระบบชลประทานเดิม หลักฐานได้ว่ามีการแนะนำให้ระบบชลประทานที่ใช้เพื่อกระทำน้ำจากสปริงศักดิ์สิทธิ์แต่ละบ้านในหัน

สัตว์สี่เท้าชนิดหนึ่ง ที่ Machu Picchu


ตามที่นักโบราณคดี, ภาคเมืองของ Machu Picchu แบ่งออกเป็นสามเขตใหญ่ : Sacred อำเภอ Popular อำเภอไปทางทิศใต้และเขตของพระสงฆ์และขุนนาง

ตั้งอยู่ในโซนแรกเป็นสมบัติโบราณคดีหลัก Intihuatana ที่วัดของดวงอาทิตย์และห้องของสาม Windows เหล่านี้ทุ่มเทให้กับ เรซาอินติ , เทพอาทิตย์ของพระเจ้ามากที่สุดและ Popular อำเภอหรือเขตที่อยู่อาศัยเป็นสถานที่ที่คนชั้นล่างอยู่ ซึ่งจะรวมถึงอาคารเก็บและง่ายบ้าน ในพื้นที่เจ้านาย ภาคที่มีอยู่สำหรับ ขุนนาง มีความชันของกลุ่มบ้านที่อยู่ในแถวกว่า ที่พำนักของ Amautas (คนฉลาด)

มุมมองของส่วนที่อยู่อาศัยของ Machu Picchu
สภาพบ้านเมืองโบราณซึ่งก่อสร้างด้วยการนำหินมาเรียงเป็นรูปอาคาร

มีลักษณะผนังเป็นสีแดงและ princesses เขตของ Ñustas มีห้องรูปสี่เหลี่ยมคางหมู สุสานอนุสาวรีย์เป็นรูปปั้นแกะสลักด้วยภายในที่ได้ถูกหกคะเมนและแกะสลักภาพวาด นำมาใช้สำหรับพิธีกรรมหรือเสียสละ
เป็นส่วนหนึ่งของ ระบบถนน , Incas สร้างถนนในพื้นที่ Machu Picchu วันนี้นับหมื่นของนักท่องเที่ยวเดิน Inca Trail เข้าชม Machu Picchu แต่ละปี acclimatising ที่ Cusco ก่อนที่จะเริ่มในสองวันที่เดินทางสี่เท้าจากหุบเขา Urubamba ขึ้นผ่านเทือกเขา Andes ในเมืองแยก

หลักฐานเพิ่มเติม Machu Picchu บทบาทในการค้าทางไกลมาจากสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่ใช่ท้องถิ่นที่พบในเว็บไซต์ ตัวอย่างของการขนส่งทางไกลคือการมีสิว obsidian แปรที่พบที่ประตูทางเข้าเพื่อ Machu Picchu by Bingham In 1970, Burger และ Asaro กำหนดให้เหล่านี้คือตัวอย่าง obsidian จาก Titicaca หรือ Chivay แหล่ง obsidian และว่ากลุ่มตัวอย่างเหล่านี้จาก Machu Picchu ตัวแทนของการขนส่งต่อชนิด obsidian นี้ในเปรู prehispanic
วัดดวงอาทิตย์ที่ Machu Picchu

ป้อมยามเป็นด้านอาคารสามกับหนึ่งในสองด้านยาวของการเปิดสู่ระเบียงของพิธี Rock นี้ด้านสไตล์สามของสถาปัตยกรรม Inca จึงเป็นลักษณะ wayrona
แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง


Historic Centre of Arequipa ,
ใหญ่ที่สุดของเมืองสองเปรูก่อตั้งในปี 1540 และยูเนสโก มรดกโลก



Historic Centre of Lima ,
มรดกโลกและศูนย์อำนาจของรัฐบาลเปรูตั้งแต่ 1535

Alpamayo ยอดเขาใน Huascarán
อุทยานแห่งชาติ มรดกโลกในภาคกลางของเปรู Ancash

มนู riverbank.jpg
มนูอุทยานแห่งชาติ
เป็น สงวนชีวมณฑล ใน Cuzco และ Madre de Dios
ภาคนี่ให้เห็นเป็นส่วนหนึ่งของเปรู Amazon Rainforest


การท่าเรือ Callao เป็นร้านหลักเพื่อการส่งออกของเปรู
Sanisidrolima.jpg
อาคารในย่านธุรกิจการเงินของ San Isidro , Lima

ของที่ระลึก


เมือง PISAC เป็นแหล่งซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรและหัตถกรรมของชาวอินคา

ภาพเมืองเก่าคุสโกและวิถีชีวิตของชาวเมือง
ได้ถูกถ่ายทอดเป็นภาพวาด ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปในแหล่งท่องเที่ยว



ผ้าทอเพื่อขายให้นักท่องเที่ยวที่เมืองคุสโก ประเทศเปรู

สรุป

บรรณานุกรม
เรามักจะเชื่อว่าก่อน Hiram Bingham มาชูปิกชูนี้ป้อมใหญ่และ Inca Trail ของคนที่ไม่ได้ใช้และไม่รู้จัก นี้ไม่ถูกต้องตรง มีจำนวนการตั้งถิ่นฐานในเขต Maranpampa ปลูกอ้อยหนึ่งร้อยปีก่อนการค้นพบ

ในศตวรรษที่ผ่านมาของกฎอาณานิคมและในระหว่างอิสระตามน้ำจากพื้นที่ Machu Picchu เป็นศูนย์กลางของน้ำตาลและปลูกต้นโคคาซึ่งผลิตแอลกอฮอล์มากอ้อยดังนั้น moonshiners evaded ภาษีเส้นทางอย่างเป็นทางการโดยถือใน muleback แอลกอฮอล์ขึ้นหุบเขา Aobamba , เข้าร่วม Inca ระหว่างทางผ่านแรกและสอง -- มันคิดว่าล่อละความเสียหายอย่างรุนแรงถนน Inca ซึ่งเป็นสาเหตุที่ไม่มี Inca ปูถึง Pacamayo และรัฐที่ดีของการเก็บรักษาหลังจากจุดนี้

Machu Picchu ถูกสร้างรอบ 1450 ที่ความสูงของอาณาจักร Inca และถูกทอดทิ้งน้อยกว่า 100 ปีต่อมาเป็นอาณาจักรภายใต้ถล่มชนะสเปน แม้ว่าป้อมปราการอยู่เพียง 50 ไมล์จาก Cusco, ทุน Inca ก็ไม่เคยพบและทำลายด้วยภาษาสเปนเป็นจำนวนมาก Inca เว็บไซต์อื่นๆ กว่าศตวรรษที่ป่ารอบเพิ่มขึ้นเพื่อปิดบังเว็บไซต์และไม่กี่รู้การมีอยู่ของ มันไม่ได้จนกว่า 1911 ที่ประวัติศาสตร์ Yale และ explorer Hiram Bingham มา"เมือง"หายไปความสนใจของโลก Bingham และอื่น ๆ

สมมติฐานที่ป้อมเป็นแหล่งกำเนิดดั้งเดิมของคน Inca หรือศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของหญิงพรหมจารี"ของดวงอาทิตย์"ขณะภัณฑารักษ์การแสดงล่าสุดได้คาดการณ์ว่า Machu Picchu เป็นพระราชกรูด ไม่ว่าสถานะของวัดจำนวนมากและโครงสร้างพิธีกรรมพิสูจน์ได้ว่า Machu Picchu ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางจิตวิญญาณสำหรับ Inca


Bingham, Hiram. 1979 [1930]. Machu Picchu a Citadel of the Incas. Hacker Art Books, New York.

Burger, Richard and Lucy Salazar (eds.). 2004. Machu Picchu: Unveiling the Mystery of the Incas. Yale University Press, New Haven.

Frost, Peter. 1995. Machu Picchu Historical Sanctuary. Nueves Imágines, Lima.
Reinhard, Johan. 2002. Machu Picchu: The Sacred Center. Lima: Instituto Machu Picchu (2nd ed.).

Wright, Kenneth and Alfredo Valencia. 2000. Machu Picchu: A Civil Engineering Marvel. ASCE Press, Reston.

7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก 12 ก.ค. 50 - 18:48 นิติภูมิ นวรัตน์ นสพ. ไทยรัฐ



รายชื่อสมาชิก

นาย มกรพงษ์ ศรีสุข 49137-0529

นาย กษิดิศ พรายมณี 49137-0608
นางสาว วรรณิศา สงวนสิงห์ 49137-0501

นางสาวเจนจิรา เลอเกียรติวัฒนา 49137-0567
นางสาว ไพลิน นันตะลิ 48137-0111
395 ปี บันทึกของปินโต : หลักฐานประวัติศาสตร์นิพนธ์หรือนิยายผจญภัย

บทคัดย่อ

บันทึกความทรงจำของแฟร์เนา เมนเดซ ปินโต( Fernão Mendez Pinto ค.ศ.1509-1583) เรื่อง “Pérégrinação”ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในปีค.ศ.1614 เป็นเรื่องเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม ภูมิประเทศ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆ รวมทั้งอัตชีวประวัติของเขาอย่างน่าตื่นเต้นและเหลือเชื่อ จนมีการใช้ชื่อของปินโตเล่นคำเชิงล้อเลียนว่าพูดจริงหรือเท็จอย่างสนุกสนานโดยชนชาติศัตรูของโปรตุเกสในยุโรปหรือแม้แต่ชาวโปรตุเกสบางคน บันทึกของปินโตถูกอ้างอิงจากนักประวัติศาสตร์ไทยอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพมาจนปัจจุบันเมื่อกล่าวถึงบทบาทของทหารรักษาพระองค์ชาวโปรตุเกส และการพระราชทานที่ดินให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานและปฏิบัติศาสนพิธีในสมัยอยุธยา จึงเป็นที่มาของการตรวจสอบว่าหนังสือฉบับนี้มีสถานะเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์นิพนธ์หรือเป็นเพียงนิยายผจญภัย

ประวัติของปินโต

ปินโตเป็นชาวเมืองมองเตอมูร์เก่า (Montemor-o-velho) ใกล้เมืองกูอิงบรา (Coinbre) ในราชอาณาจักรโปรตุเกส เมื่ออายุประมาณ 10 หรือ 12 ขวบจึงต้องเป็นเด็กรับใช้ของสุภาพสตรีผู้หนึ่ง การผจญภัยของปินโตเริ่มขึ้นเมื่อเดินทางไปถึงเมืองดิว ปินโตเคยเดินทางไปในเอธิโอเปีย จีน อาณาจักรของชาวตาร์ตาร์ (Tataria) โคชินไชนา สยาม พะโค ญี่ปุ่น และหมู่เกาะอินเดียตะวันออกในน่านน้ำอินโดนีเซียปัจจุบัน เมื่อเดินทางกลับไปถึง โปรตุเกสในปีค.ศ.1558 เขาจึงพยายามติดต่อขอรับพระราชทานบำเหน็จรางวัล เนื่องจากได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติและศาสนาอย่างเต็มที่ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากราชสำนัก ปินโตจึงไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองปรากัลป์ (Pragal)) ทางใต้ของโปรตุเกส ปินโตเขียนหนังสือชื่อ “Pérégrinação”ขึ้น และถูกตีพิมพ์หลังจากเขาถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1583

ปินโตเคยเดินทางเข้าสยาม 2 ครั้ง ครั้งแรกเข้ามาในปัตตานีและนครศรีธรรมราชก่อนค.ศ.1548 ครั้งที่ 2 เข้ามายังกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช

หลังจากปินโตถึงแก่กรรม บุตรีของเขาได้มอบต้นฉบับหนังสือเรื่อง “Pérégrinação” ให้แก่นักบวชสำนักหนึ่งแห่งกรุงลิสบอน ต่อมากษัตริย์ฟิลิปที่ 1และทรงเป็นกษัตริย์ฟิลิปที่ 2 แห่งสเปนทรงได้ทอดพระเนตรงานนิพนธ์ชิ้นนี้ บุตรีของปินโตจึงได้รับพระราชทานบำเหน็จรางวัลแทนบิดา

งานเขียนของปินโตตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1614 และแปลเป็นภาษาต่างๆ อาทิ ภาษาฝรั่งเศส (1628) ภาษาอังกฤษ (1653) ใน ค.ศ.1983 กรมศิลปากรได้เผยแพร่บันทึกของปินโตบางส่วนในชื่อ “การท่องเที่ยวผจญภัยของแฟร์นังด์ มังเดซ ปินโต ค.ศ1537-1558” แปลโดยสันต์ ท. โกมลบุตร ต่อมากรมศิลปากรร่วมกับกรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการได้ตีพิมพ์ผลงานบางส่วนของเขาออกเผยแพร่อีกครั้งใน ค.ศ.1988 โดยแปลจากหนังสือชื่อ “Thailand and Portugal : 470 Years of Friendship”

รูปแบบการนำเสนอ

งานเขียนของปินโตถูกนำเสนอในรูปของร้อยแก้ว ปินโตระบุว่า การเล่าเรื่องการเดินทางของเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มีการเรียนรู้สภาพภูมิศาสตร์ของโลกให้มากยิ่งขึ้น มิได้มีจุดประสงค์ที่จะก่อให้เกิด

ความท้อถอยในการติดต่อกับดินแดนแถบเอเชีย เขาระบุว่าอุทิศการทำงานให้แก่พระเจ้ามิได้หวังชื่อเสียง

เขาแสดงความขอบคุณพระเจ้าและสวรรค์ที่ช่วยให้รอดพ้นจากภยันตรายมาได้

จุดมุ่งหมายที่จริงจังของทั้งปินโตและโคแกนสะท้อนให้เห็นคุณค่าของเหตุการณ์ สถานที่ ทรัพยากร อารมณ์ ความรู้สึกและวัฒนธรรมอันหลากหลาย งานของปินโตจึงได้รับการอ้างอิงอย่างกว้างขวาง

คุณค่าทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับราชอาณาจักรสยาม

บันทึกของปินโตนับเป็นเอกสารสำคัญที่กล่าวถึงเรื่องราวส่วนหนึ่งเกี่ยวกับทรัพยากร การทหาร วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ กฎหมายและเรื่อง ราวในราชสำนักสยามกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และมักจะถูกอ้างอิงเสมอเมื่อกล่าวถึงบทบาททางการทหารของชุมชนโปรตุเกสในรัชสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช (ค.ศ.1543-1546) เมื่อเกิดศึกระหว่างสยามกับเชียงใหม่ขึ้นใน ค.ศ.1548 (พ.ศ.2091)

การเข้าร่วมรบในกองทัพสยามครั้งนั้นเป็นการถูกเกณฑ์ หากไม่เข้าร่วมรบก็จะถูกขับออกไปภายใน 3 วัน ด้วยเหตุนี้จึงมีชาวโปรตุเกสถึง 120อาสาเข้าร่วมรบในกองทัพสยามเหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาว่าเป็นศึกเมืองเชียงกรานซึ่งเกิดขึ้นในค.ศ.1538

ดร.เจากิง ดึ กัมปุชชี้ว่า บทบาทของทหารอาสาชาวโปรตุเกสในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราชอาจส่งผลให้มีการเริ่มปรับปรุงตำราพิชัยสงครามภายใต้การช่วยเหลือของที่ปรึกษาชาวโปรตุเกส จนเป็นที่มาของการตั้ง “กรมทหารฝารั่งแม่นปืน” ใน หนังสือ“ศักดินาทหารหัวเมือง จนถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์

ความน่าเชื่อถือ

หนังสือของปินโตถูกตีพิมพ์เผยแพร่อย่างกว้างขวางในยุโรป จึงเป็นเหตุให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง นักประวัติศาสตร์ไทยหลายคนเลือกใช้ข้อมูลของปินโตมาอ้างอิงโดยตลอด อาทิ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา มานพ ถาวรวัฒน์สกุลในเรื่องขุนนางอยุธยา(2536) อ้างเรื่องยศขุนนางสมัยอยุธยาตอนกลาง สุเนตร ชุตินทรานนท์ในเรื่องบุเรงนองกะยอดินนรธา(2538) ก็อ้างเอกสารของปินโตซึ่งระบุตรงกับราล์ฟ ฟิตซ์ (Ralph Fitch)ว่า พระเจ้าบุเรงนองนำเอาเรื่องการขอช้างเผือกมาเป็นสาเหตุของสงครามระหว่างสยามกับพม่าใน ค.ศ.1569 เป็นต้น หนังสือ “ Pérégrinação ” ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสยามน้อยมาก ซึ่งอาจจะอธิบายได้ว่าตอนกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 ศูนย์กลางของโปรตุเกสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งอยู่ที่มะละกา ปินโตจึงให้ความสำคัญต่อมะละกามากกว่ากรุงศรีอยุธยา การที่ราชสำนักโปรตุเกสสนใจดินแดนทางใต้ของพม่าและชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของจีนก็น่าจะมีผลต่อโครงเรื่องของปินโตเช่นกัน การที่เขามีฐานะเป็นเพียงกลาสีเรือ นักผจญภัย แสวงโชค มิใช่บุตรขุนนางหรือนักการทูต มิใช่พ่อค้าหรือนายทหารที่ถูกส่งเข้ามาติดต่อกับสยามโดยตรง ทำให้เนื้อหาส่วนใหญ่ในหนังสือของเขาเน้นกล่าวถึงสถานที่ต่างๆตามชายฝั่งมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิกที่เขาเคยเดินทางไปถึงมากกว่า

หลักฐานของปินโตกับปัญหาในการศึกษาชุมชนโปรตุเกสสมัยอยุธยา

ปินโตระบุว่านักสอนศาสนาก็จำเป็นต้องเผยแพร่ศาสนาภายใต้นโยบายของราชสำนักหรือผู้สำเร็จราชการโปรตุเกสแห่งเมืองกัวเช่นเดียวกับข้าราชการทั่วไป เมื่อนักบุญฟรานซิส ซาเวียร์(St. Francis Xavier)จะออกไปเผยแพร่ศาสนาในญี่ปุ่น ท่านก็ต้องเดินทางจากมะละกาไปยังกัว เพื่อรับฟังนโยบายของผู้สำเร็จราชการโปรตุเกสแห่งอินเดียเสียก่อน (กรมศิลปากร, 2526 : 35) การที่ปินโตเคยเป็นทูตของข้าหลวงโปรตุเกสแห่งมะละกาไปยังรัฐต่างๆในภูมิภาคแถบนี้ อีกทั้งยังเคยเป็นทหารและนักสอนศาสนาของโปรตุเกสด้วย เขาจึงน่าจะเป็นบุคคลที่มีเกียรติพอที่จะได้รับความเชื่อถือจากผู้มีฐานะเป็นศัตรูชาติโปรตุเกสในยุโรปหรือแม้แต่ชาวโปรตุเกสบางคน แต่เขาก็ไม่เคยถูกนักประวัติศาสตร์โปรตุเกส อาทิ ดูอาร์ตึ บาร์บูซา(Duarte Barbosa) จูอาว ดึ บารอส(João de Baros )และคาสปาร์ คอร์รีอา(Caspar Correa)เสียดสีเลยแม้แต่น้อย

การกล่าวว่ากองทัพพม่านำกระบือและแรดมาลากปืนใหญ่เพื่อทำสงครามกับสยามในฉบับแปลของโคแกน ทำให้วูด(Wood)ชี้ว่างานเขียนของปินโต เป็นหลักฐานเชิงจินตนาการ”ข้อเสนอของวูดอาจทำให้นักเรียนประวัติศาสตร์เห็นคล้อยไปกับคอนเกรฟที่ระบุว่า ปินโตเป็นคนขี้ปด โชคดีที่ ดร. เจากิง ดึกัมปุชแย้งว่า ปินโตไม่เคยระบุคำว่า “แรด”คำศัพท์ที่เขาใช้ คือ คำว่า “bada หรือ abada”นั้น ในคริสต์ศตวรรษที่16 หมายถึง สัตว์ป่าซึ่งมาจากรากศัพท์ภาษาสันสกฤตเมื่อกล่าวถึงแรดซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญในการโต้แย้งประเด็นที่มีการแปล “abada” ว่า “แรด”แต่ในภาษาอาหรับก็มีคำว่า “abadat” หมายถึง “สัตว์ที่มีรูปร่างเป็นสีน้ำตาล” หรือ“สัตว์ป่า” หรือ “สัตว์เลี้ยงที่หลบหนีไปจนกลายเป็นสัตว์ป่า”ในเวลาต่อมา ปินโตจะใช้คำว่า “abada” เมื่อกล่าวถึง “จามรี(yaks)” ซึ่งเป็นสัตว์ต่าง (beast of burden) ในตาตาเรีย (Tataria) เพราะไม่มีศัพท์ดังกล่าวในภาษาโปรตุเกส และใช้คำภาษาอาหรับว่า “abida” ในที่อื่นๆอีกร่วม12ครั้งเมื่อกล่าวถึงสัตว์ใหญ่คล้ายแรดหรือสัตว์ต่างชนิดอื่นซึ่งไม่อาจหาคำมาใช้แทนได้

สรุป/ความคิดเห็น

ผู้เขียนเห็นว่างานนิพนธ์ของปินโตมีคุณค่าในทางประวัติศาสตร์มากกว่าจะถูกมองว่าเป็นเพียงวรรณกรรมประโลมโลกหรือนิยายผจญภัยของกลาสีเรือ แม้เนื้อหาบางตอนจะดูตื่นเต้นเร้าใจเกินกว่าจะมีความสมจริงตามทัศนะของนักประวัติศาสตร์ แต่ในสภาวะที่ยุโรปเพิ่งจะพ้นจากยุคแห่งการจุดไฟเผาหญิงสาวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดและยังคงเคร่งต่อจริยธรรมทางศาสนา มีใครบ้างที่จะกล้าเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าตนเองเคยรับประทานเนื้อมนุษย์เพื่อประทังชีวิตกลางทะเลหลังจากถูกโจรสลัดโจมตี ข้อถกเถียงในงานของปินโตอาจจะมีอยู่ไม่น้อย แต่มีหลักฐานประวัติศาสตร์ชิ้นใดบ้างที่ปราศจากคำถามและความเคลือบแคลง งานของปินโตถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความแม่นยำของศักราชก็เพราะบันทึกของเขาเป็นเอกสารที่เขียนขึ้นจากความทรงจำเมื่อเขาเดินทางกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในโปรตุเกสระยะหนึ่งแล้ว

เอกสารอ้างอิงข้อมูลจาก...DPULSS(บทความ)ของอาจารย์ พิทยะ ศรีวัฒนสาร



นิธิ เอียวศรีวงศ์. 2523. ประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา.

นิธิ เอียวศรีวงศ์และอาคม พัฒิยะ. 2525. หลักฐานประวัติศาสตร์ในประเทศไทย.

มานพ ถาวรวัฒน์สกุล. 2536. ขุนนางอยุธยา.

ราชบัณฑิตยสถาน. 2550. กฎหมายตราสามดวงฉบับราชบัณฑิตยสถานเล่ม1.

วิชาการ. กรม . 2531. 470 ปีสัมพันธไมตรีระหว่างไทยและโปรตุเกส.

ศิลปากร. กรม. 2536. การท่องเที่ยวผจญภัยของแฟร์นังด์ มังเดซ ปินโต ค.ศ.1537-1558.

สันต์ ท. โกมลบุตร(แปล). 2510.จดหมายเหตุลาลูแบร์ฉบับสมบูรณ์ เล่ม 1.

สุเนตร ชุตินทรานนท์. 2538. บุเรงนองกะยอดินนรธา.

Campos, Joaquim de. 1959. “Early Portuguese accounts of Thailand” Journal of The Siam

Society Volume VII.

Cogan, Henry. trans. 1653. The Voyages and Adventures of Fernand Mendez Pinto.

Collins, The. 1987. English Portuguese Portuguese English Dictionary.

Hutchinson, E.W. 1940. Adventurers in Siam in the Seventeen Century.

Wood, W.A.R. 1959 . “Fernão Mendez Pinto’s Account of Events in Siam” Journal of The Siam Society Volume VII.



แบบฝึกหัดท้ายบทเรียน บทที่ 1-10

บทที่ 1 ก่อนประวัติศาสตร์ยุโรป

แบบฝึกหัดบทที่ 1

1. ข้อใดไม่ถูกต้อง

ค. มนุษย์ไม่ต่างจากสัตว์ในแง่ของอารมณ์และคาวมรุ้สึกทางธรรมชาติ

2. การที่สังคมมีความซับซ้อนและมีความเจริญทางวัตถุเกิดจากสาเหตุสำคัญในข้อใด

ค. เครื่องมือ

3. ข้อใดถูกต้องที่สุดเมื่อกล่าวถึงการศึกษางานศิลปะสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในโลกตะวันตก

ง. ภาพเขียนสีถ่ำลาสโคซ์

4. คำว่ามนุษย์ผู้ถนัดในการใช้มือตรงกับข้อใดมากที่สุด

ก. โฮโมฮาบิลิส

5. ขอใดเป็นมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์กลุ่มหนึ่งในยุโรปซึ่งทิ้งผมงานศิลปะไว้มากมายในถ่ำต่างๆ

ข. โครมันยอง

6. ข้อใด มิใช่ แหล่งโบราณคดีซึ่งพบหลักฐานภาพสีสมัยหินเก่าอายุประมาณ 30,000-25,000BC.ในยุโรป

ค. โอลดูเวย์

7. ข้อใดเป็นศิลปะถ่ำซึ่งพบโดยบังเอิญจากการเล่นซุกซนของเด้กสองคนเมื่อ ค.ศ.1940

ข. ลาสโคซ์

8. ภาพเขียนสีในถ้ำอะไรมักถูกยกเป็นตัวอย่างของจิตรกรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์เสมอ

ก. อัลตามีรา

9. ข้อใดไม่ถูกต้อง

ง. งานประติมากรรมรูปคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มักมีขนาดใหญ่

10. Menhir or Standing Stone เป็นอนุสาวรีย์หินแบบใด

ข. หินตั้งเดี่ยว


บทที่ 2 อารายธรรมในเอเชียไมเนอร์และแอฟริกาเหนือ:รากเหง้าความเจริญของชาวตะวันตก

แบบฝึกหัดบทที่ 2


1. พื้นฐานดั้งเดิมก่อนเกิดอารยธรรมตะวันตกก่อตัวขึ้นเมื่อใด

ก. ประมาณ 4,000 BC.

2. ภูมิภาคแถบเอเชียไมเนอร์เป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมโบราณในข้อใด

ก. เมโสโปเตเมีย

3. แม่น้ำไทกริส – ยูเฟรตีส พัดดินตะกอนมาท่วมสองฝั่งภาคใต้ของดินแดนเมโสโปเตเมียในฤดูใบไม้ผลิระหว่างเดือน …. ทำให้ภาคใต้เป็นดินแดนที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเลอุดมด้วยปุ๋ยธรรมชาติเหมาะต่อการเพาะปลูกพืชพรรรธัญญาหารต่างๆข้อใดถูกต้อง

ข. มีนาคม – พฤษภาคม

4. พื้นที่ภาคเหนือของดินแดนเมโสโปเตเมียมีฝนตกชุกเมื่อใด

ค. ฤดูหนาว

5. ข้อใดเป็นชนชาติเก่าแก่ที่ริเริ่มสร้างสรรค์อารยธรรมเมโสโปเตเมียขึ้นมา

ก. ชาวสุเมอเรียน

6. ข้อใดเป็นปัจจัยที่ทำให้ชาวเมโสโปเตเมียมองโลกในแง่ร้ายและไม่เห็นคุณค่าของชีวิต

ก. สภาพภูมิอากาศแบบกึ่งทะเลทรายแปรปรวน

7. ชาวสุเมอเรียนไม่นิยมสร้างพระราชวังขนาดใหญ่ แต่นิยมสร้างซิกเกอแรท (Ziggurats) ศาสนสถานขนาดใหญ่กลางเมืองเป็นที่ประทับของเทพเจ้า ลักษณะคล้ายภูเขาห้อมล้อมด้วยกำแพงเมืองและบ้านเรือนประชาชน สร้างจากวัสดุประเภทใด

ก. อิฐตากแห้ง

8. ข้อใดเป็นการปกครองในระยะแรก ของอาณาจักรสุเมอเรียน

ง. สภาของผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะ

9. ข้อใดเป็นอักษรที่เกิดจากการใช้ไม้เขียนลงบนแผ่นดินเหนียวแล้วผึ่ง หรืออบให้แห้ง

ก.คูนิฟอร์ม

10. ข้อใดเป็นชื่อของผู้ก่อตั้งอาณาจักรบาบิโลเนีย

ก. ฮัมมูราบี

11. “ พวก Canaanites ” เป็นคำเรียกชนชาติในข้อใด

ก. ชาวฟีนิเชียน

12. หลังจากถูกรุกรานโดยชาวยิวและชาวฟิลิสไตน์เมื่อประมาณ 1,300 – 1,000 BC. ดินแดนของชาวคะนาอันไนต์จึงเหลือเพียง “ ฟีนีเซีย ” ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งแคบๆของทะเลอะไร

ก. ทะเลเมดิเตอเรเนียน

13. ในปี 750 BC. ชนชาติใดได้เข้ามายึดครองดินแดนของชาวฟีนิเชียนจนเกือบหมด เหลือเพียงอาณานิคมที่เมืองคาร์เธจเท่านั้น

ก. ชาวแอสซิเรียน

14. ข้อใดเป็นต้นตระกูลของอักษรที่ชาวยุโรปใช้อยู่ในปัจจุบัน

ค. อักษรฟีนิเชียน

15. ชาวฮิบรูเป็นชนเผ่าเร่ร่อนในทะลทรายเมื่อ 1,400 BC. มี Moses เป็นผู้นำสำคัญในการปลดแอกจากการเป็นทาสของชนชาติใด

ข. อียิปต์

16. ข้อใดเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรอิสราเอลเมื่อประมาณ 1,013 – 973 BC.

ก. พระเจ้าเดวิด

17. อาณาจักรอิสราเอลถูกทำลายโดยชนชาติใด

ง. ชาวแอสซิเรียน

18. เหตุการณ์ที่เรียกว่า The Babylonian Captivity เกี่ยวกับชนชาติใด

ข.ชาวฮิบรู

19. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับศาสนายูดาย
ข. นับถือพระยะโฮวา

20. ผู้สถาปนาอาณาจักรเปอร์เซียเมื่อปี 549 BC. คือใคร

ง. พระเจ้าไซรัส



บทที่ 3 ศิลปวัฒนธรรมตะวันตกยุคคลาสสิก (กรีก-โรมัน)

แบบฝึกหัดบทที่ 3


1. มหากาพย์อีเลียดและโอเดสซีเป็นของอารยธรรมกรีกยุคใด

ก. ยุคมืด

2. วิหารพาร์เธนอน (Parthenon) สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานรูปเคารพของเทพองค์ใด

ข. อะเธนา

3. หัวเสาทำเป็นรูปใบไม้ตรงกับข้อใด

ค. หัวเสาแบบโครินเธียน

4. ความนิยามในการสร้างประติมากรรมหญิงเปลือยแทนรูปชายเปลือยเกิดขึ้นยุคใด

ง. ยุคเฮเลนิสติก

5. จิตรกรรมกรีกสมัยแรกมักทำ Back ground เป็นสีอะไร

ข. สีแดง

6. ลักษณะของงานจิตรกรรมที่นิยมวาดสีตัดกับพื้นในฉาก แล้วพัฒนาเป็นรูปเครือเถา และรูปเล่าเรื่องในนิทานปรัมปรา (Methology) และมหากาพย์ของโฮเมอร์อย่างกลมกลืนงดงามเกิดขึ้นในยุคใด

ค. ยุคคลาสสิค

7. การแสดงละครแพร่หลายมากในยุคใด

ค. ยุคคลาสสิค

8. ข้อใดถูกต้องเมื่อกล่าวถึงละครแบบโศกนาฎกรรม (Tragedy) และสุขนาฎกรรม (Comedy)

ก. ตัวละครชายทั้งหมด

9. นักปรัชญากรีกที่ก่อตั้งสำนักอะคาเดมีขึ้นที่เอเธนส์คือใคร

ข. เพลโต

10. นักปรัชญาที่เชื่อว่า ปัญญานำมาซึ่งความรู้ และความรู้นำมาซึ่งความสุขสบาย ถ้าปราศจากความสุขสบายมนุษย์จะไม่เกิดปัญญา คือใคร

ค. อริสโตเติล

11. เทพองค์ใดมิใช่พี่น้องของมหาเทพซูส

ข. ฮาเดส

12. อาวุธของมหาเทพซูสคืออะไร

ค.สายฟ้า

13. เทพที่มักปรากฎกายในลักษณะสวมหมวกขอบกว้างสวมรองเท้ามีปีกถือคทาที่มีงูพันคือใคร

ค. เฮอร์มีส

14. เทพีแห่งการครองเรือนและเทพแห่งครอบครัวคือใคร

ค. เฮสเทีย

15. เทพีแห่งสงคราม ความฉลาดเฉลียว และศิลปศาสตร์

ข. อะธีน่า

16. เป็นฉนวนเหตุของสงครามกรุงทรอยคือใคร

ข. เฮเลน


บทที่ 4 ศิลปวัฒนธรรมตะวันตกแบบไบแซนไทน์

แบบฝึกหัดบทที่ 4


1. การปกครองในข้อใดทำให้เกิดจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire)

ค. การปกครองแบบ Tretarchy

2. หลังจากเกิดจักรวรรดิไบแซนไทน์ ข้อใดเป็นรูปแบบการปกครองของจักรวรรดิดังกล่าว

ก. การปกครองแบบ Autocrat

3. “ โรมใหม่ ” หมายถึงข้อใด

ค. คอนสแตนติโนเปิล

4. ข้อใดไม่ใช่พื้นที่ของอาณาจักรโรมันตะวันออกในคริสต์ศตวรรษที่ 7

ค. คาบสมุทรไอบีเรีย

5. ข้อใดเป็นการปกครองที่จักรพรรดิทรงมีอำนาจสูงสุดทั้งทางจักรวรรดิและทางศาสนา

ก. การปกครองแบบ Autocrat

6. จักรวรรดิโรมันตะวันออกใช้ภาษาอะไรในการสื่อสารอย่างเป็นทางการ

ก. กรีก

7. คริสต์ศาสนาแบบ Christian Hellenism มีศูนย์กลางที่ใด

ง.กรุงคอนสแตนติโนเปิล

8. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการแพร่หลายของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์

ง. ยุโรปตะวันตก

9. ข้อใดไม่ใช่เมืองสำคัญทางศาสนาคริสต์ที่จักรพรรดิคอนสแตนตินทรงจัดไว้เมื่อ ค.ศ. 325

ก. เอเธนส์

10. ข้อใดไม่ถูกต้อง

ง. Novels คือ นิยายเรื่องยาว


บทที่ 5 ศิปวัฒนธรรมตะวันตกสมัยกลาง

แบบฝึกหัดบทที่ 5

1. ยุคกลางหมายถึงยุคซึ่งอยู่ระหว่าง

ตอบ ความเจริญโลกคลาสสิกกับยุโรปใหม่

2. ศิลปในยุคกลางตอนต้นเรียกว่า

ตอบ ยุคแห่งความสำเร็จพวกนอร์ธแมน

3. ยุคกลางตอนปลายเป็นยุคเสื่อมของ

ตอบ สถาบันศาสนาและศักดินา

4. ระบอบศักดินาหมายถึง

ตอบ ระบอบการปกครองทางสังคมที่เน้นกรรมสิทธิ์ที่ดิน

5. ยุคกลางสิ้นสุดลงเมื่อ…ค้นพบทวีปอเมริกา

ตอบ คริสโตเฟอร์ โคลัมปัส

6. Benefice ในสมัยกลาง หมายถึง

ตอบ จารีตการยกที่ดินของวัดให้เอกชนเช่า

7. Lord หมายถึง

ตอบ ขุนนางชั้นสูงซึ่งได้รับพระราชทานกรรมสิทธิ์ที่ดิน

8. พวก Crofter and Cotters ในสมัยกลางหมายถึง

ตอบ คนที่มีสถานภาพทางสังคมต่ำกว่าทาสติดที่ดินเพราะไม่มีที่ดินทำกิน

9. อำนาจของชนเผ่าเยอรมันมาจาก

ตอบ การใช้คมหอกสั้นปลายแคบและเครื่องมือเหล็ก

10. ชาวคริสต์เชื่อว่ากรุงโรมเป็นสถานที่ศักสิทธิ์เพราะ

ตอบ เป็นที่ฝังร่างของนักบุญ ชื่อ ปีเตอร์ซึ่งเป็นประมุของค์แรก

11. วิหารพระเจ้าชาเลอมาล ตั้งอยู่ที่ใด

ตอบ เมืองอาเคน

12. โบสถ์ All Saint Church ที่นอร์แธมตันไชร์ ประเทศอังกฤษ เป็นโบสถ์แบบ

ตอบ แองโกล-แซกซอน

13. สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์มีลักษณะเด่นคือ

ตอบ อาคารมีประตูหน้าต่างโค้งกลม กำแพงหนา หน้าต่างบานเล็กและเรียวยาว

14. มหาวิหารดูแรห์ม มีลักษณะเด่นคือ

ตอบ การทำซุ้มโค้งแบบไขว้

15. จุดเด่นของสถาปัตยกรรมกอธิคคือ

ตอบ การใช้เสาค้ำยันจากภายนอกและใช้เสาหินรองรับน้ำหนักของหลังคา

16. ใครเป็นผู้เขียนวรรณกรรมเรื่อง The City of god

ตอบ นักบุญ Augustin

17. มหากาพย์เรื่อง Chanson de Roland สะท้อนให้เห็นคุณธรรมด้านใด

ตอบ เห็นความกล้าหาร อุดมการณ์ จริยธรรม ความเสียสละและศรัทธาในศาสนาคริสต์

18. นิยายเพ้อฝันสมัยกลางเป็นเรื่องเกี่ยวกับ

ตอบ ความรักของหนุ่มสาว

19. The idea of Chivalry หมายถึง

ตอบ การแสวงหาความรักเทิดทูนบูชาต่อสตรีสูงศักดิ์

20. Canterberry Tales คือ

ตอบ นิยายเสียดสีสัง คมของ Chance


บทที่ 6 ศิลปวัฒนธรรมตะวันตกสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการและสมัยบารอค-รอคโคโค

แบบฝึกหัดบทที่ 6


ตอนที่ 1 จงทำเครื่องหมายถูกหน้าข้อที่ถูกและทำเครื่องหมายผิดหน้าข้อที่ผิด

....ถูก....1. ศูนย์ของศิลปเรอแนสซองส์สมัยแรก(Early Renaissance)เกิดที่กรุงโรม

....ผิด....2. พ่อค้าสมัยเรอแนสซองส์พยายามเลียนแบบชีวิตความเป็นอยู่ของขุนนางสมัยกลาง เช่น การอุปถัมป์การศร้างงานของศิลปิน

....ผิด....3. ศิลปสมัยเรอแนสซองส์นิยมความงามตามแบบอย่างจารีตสมัยกลาง

....ถูก....4. นักปรัชญามนุษยนิยมสนใจเรื่องราวและหลักทำทางศาสนา

....ถูก....5. ตระกูลเมดีซี Medici เป็นผู้อุปถัมป์ศิลปินที่เมืองฟลอเรนซ์

ตอนที่ 2 จงจับคู่ให้ถูกต้อง

    1. การซื้อขายตำแหน่งศาสนาและใบไถ่บาป

จ    2.ลักษณะที่ผิดเพี้ยนไปจากแบบแผนดั้งเดิม

ญ   3. จิตรกรรมที่ชื่อ Calling of Mathew

ฉ    4. ริเริ่มจัดภาพแบบกระจายซ่อนภาพรางๆไว้นความมืดให้แสงจ้าเป็นจุดๆ

ฌ   5. ทำท่าโลดโผนคล้ายแสดงละคร แต่งกายหรูหราทำผ้าเป็นจีบมุมเกินจริง

ข    6. ประติมากรรมเดวิด

ค    7. มีโครงสร้างละเอียดซับซ้อน แลดูพร่างพรายจากการเน้นแสงสว่างในอาคารเป็นจุดๆ

ง    8. มีโครงสร้างเป็นเส้นโค้งอ่อนหวานเน้นรายละเอียดที่เป็นวิจิตรพิศดาร

ฌ   9. เน้นให้เกิดความเคลิบเคลิ้มในบรรยากาศมากกว่า

ซ   10. จิตรกรรมชื่อ การนัดพบของคู่รัก


บทที่ 7 ศิลปะตะวันตกสมัยใหม่ระยะแรก

แบบฝึกหัดบทที่ 7

1. ศิลปะลัทธินีโอคลาสสิค หมายถึงอะไร

ตอบ รูปแบบศิลปะที่หวนไปนำปรัชญาและหลักสุนทรียภาพทางศิลปะ แบบคลาสสิกของกรีกโบราณมาสรรค์สร้างขึ้นใหม่ในยุโรป

2. ความตื่นเต้นจาการขุดพบเมืองอะไรในสมัยโรมันซึ่งผลักดันให้เกิดศิลปะนี่โอคลาสสิค

ตอบ เมืองเฮอร์คูลาเนียมและเมืองปอมเปอี

3. ศิลปินที่กล่าวว่าศิลป คือ ดวงประทีปของเหตุผล ซึ่งต่อมากลายเป้นความเชื่อของศิลป

ตอบ ศิลปะนีโอ-คลาสสิก

4. ศิลปลัทธินีโอ-คลาสสิค มีแนวทางการสะท้อนผลงานทางศิลปะอย่างไร

ตอบ ต้องแสดงความถูกต้องตามหลักกายวิภาคศาสตร์ การวางท่าทางที่สง่างามตามแบบอย่างของศิลปะกรีก-โรมันโดยเน้นความถูกต้องตามหลักความเป็นจริง

5. ผลงานของดาวิดชื่อ คำสาบานของพวกฮอราติไอ ต้องการสะท้อนแนวคิดอะไรแก่ผู้ชม

ตอบ แนวคิดเกี่ยวกับการรักชาติของนักรบโรมัน 3 คน ที่รับดาบจากบิดาไปสู่ศรัตรู

6. ภาพเขียนชื่อ โรงพยาบาลโรคระบาดที่เจฟฟา เป็นผลงานของใคร

ตอบ ดาวิด

7. ขณะที่ศิลปลัทธินีโอ-คลาสสิค คำนึงถึงความถูกต้องตามหลักการและกฏเกณฑ์ทางศิลปะ แต่ลัทธิโรแมนติกกลับยึดถือและให้ความสำคัญต่อสิ่งใด

ตอบ อารมณ์และจิตใจของศิลปินมากกว่าเหตุผล

8. ภาพ แพเมดูซา The Raft of the Medusa เป็นผลงานของใคร

ตอบ เจอริโคลต์

9. ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับเดอลาครัวเป็นอย่างยิ่งชื่อว่าอะไร

ตอบ ภาพเขียนสีน้ำมันขนาดใหญ่ ชื่อ เสรีภาพนำหน้าประชาชน

10. แนวทางการสร้างสรรค์ผลงานในศิลปะลัทธิสัจจะนิยมเน้นเรื่องใดเป็นสำคัญ

ตอบ เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของมนุษย์

11. ศิลปะลัทธิเอมเพลสชั่นนิสม์ปรากฎอย่างเป็นทางการเมื่อใดและสร้างผลอย่างไร

ตอบ ค.ศ. 1874 สร้างความตื่นตระหนกและถูกประณามจากนักวิจารณ์ศิลปะแนวอนุรักษ์นิยมอย่างรุนแรง

12. ศิลปินที่ได้รับว่าเป็นผู้นำของกลุ่มลัทธิอิมเพลสชั่นนิสม์ คือใคร

ตอบ อีดูวาร์ด มาเนต์

13. อิมเพลสชั่นนิสม์เป็นจุดเริ่มต้นของสิลปสมัยใหม่ เพราะเปลี่ยนจาการเทคนิคการสร้างงานด้วยเกลี่ยสีมาเป็นเทคนิคอย่างไร

ตอบ เป็นแบบป้ายสีเพื่อให้สีผสมผสานกันในสายตาผู้ดู สนใจมิติทางสุนทรียศาสตร์

14. ศิลปินลิทธิอิมเพลสชั่นนิสม์ที่มีความสูงในการเสียงภาพคนและแง่มุมและทัศนียวิทยาชองสถาปัตยกรรมและทิวทัศน์ โดยใช้สีได้อย่างสดใส มีบรรยายกาศใสสะอาดราวกับสิ่งต่างๆเป็นของเหลว คือ ใคร

ตอบ ปิแอร์ ออกุสต์ เรอนัวร์

15. ศิลปะลัทธิโพสท์-อิมเพลสชั่นนิสม์ แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ มีอะไรบ้าง

ตอบ 1 กลุ่มที่เน้นการแสดงออกด้านอารมณ์

2 กลุ่มที่เน้นความเกี่ยวข้องกับโครงสร้างทางศิลปะ

16. ผู้สนับสนุนศิลปินกลุ่มโพสท์-อิมเพลสชั่นนิสม์คือใคร

ตอบ โรเจอร์ ฟราย กับ คลีฟ เบลล์

17. ความเชื่อในการสร้างสรรค์งานของพอล เซซานน์ เป็นอย่างไรบ้าง

ตอบ การประสานสัมพันธ์ของสีมีมากเท่าไร ความกลมกลืนกันก็มีมากเท่านั้น

18. แวนโก๊ะมีพัฒนาในการสร้างสรรค์ผลงานอย่างไi

ตอบ ระยะแรกสะท้อนภาพชีวิตที่หม่นหมองและแสดงออกแบบลัทธิเรียลิสม์ ตอนหลังใช้แปรงแต้มสีหนาเป็นริ้วรอยแปรงที่แสดงออกึงความรุนแรงของอารมณ์อย่างที่สุด

19. ผลงานที่ได้รับยกย่องของแวนโก๊ะมี 3 ภาพ คือ

ตอบ คนกินมัน ดอกทานตะวัน ราตรีประดับดาว

20. เมื่อกล่าวถึงจิตรกรคนสำคัญที่สร้างสรรค์ผลงานอย่างไม่มีทฤษฎี ไม่มีการบันทึกถึงความสามารถในด้านบุกเบิกสุนทรีภาพใหม่โดยงานที่เขาสร้างขึ้นนั้นเปรียบเสมือนการ บันทึก สิ่งที่เขาเห็นและเข้าใจโดยปราศจากความคิดเห็น ไม่มีความสงสาร ไม่มีอารมณ์รู้สึกไม่มีการกล่าวหาและไม่มีการส่อเสียดใดๆ หมายถึงศิลปืนคนใด

ตอบ ทรูลูส โรเทรค


บทที่ 8 ศิลปะตะวันตกยุคหลังลัทธิอิมเพรสชันนิสม์ถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1

แบบฝึกหัดบทที่ 8

1. ศิลปะลัทธิโฟวิสม์ มีความเป็นมาอย่างไร

ตอบ Fauvism มาจากภาษาฝรั่งเศส Les Fauves แปลว่า สัตว์ป่า จึงหมายถึง ลัทธิสัตว์ป่า อันเป็นคำเปรียบเปรยรูปแบบศิลปะเมื่อเปรียบเทียบผลงานของศิลปินสมัยเรอแนสซองส์ที่งามตามหลักสุนทรียภาพเดิม

2. แนวทางการสร้างสรรค์งานของกลุ่มสะพานสะท้อนเรื่องราวอะไรบ้าง

ตอบ ความสับสน ความอัปลักษณ์ของสังคม เศรษฐกิจ การเมืองและศาสนา

3. แนวทางการสร้างผลงานของกลุ่มม้าสีน้ำเงินเป็นอย่างไรบ้าง

ตอบ แสดงออกทางอารมณ์อย่างรุนแรงที่แฝงความสนุกสนานจากการใช้สี เส้น และการแสดงลีลาคล้ายเสียงดนตรีสลายตัว

4. ศินปินที่ได้ชื่อว่าเป็นลัทธิอิมเพลสชันนิสม์ คือใคร

ตอบ เอ็ดวาร์ด มูงค์

5. ศิลปะลัทธิคิวบิสม์ หรือ Cubism Art มีรากฐานอย่างไร

ตอบ มีรากฐานมาจากผลงานของเซซานน์

6. ศิลปะลัทธิคิวบิสม์ เชื่อในเรื่องใด

ตอบ การแสดงออกทางศิลปะนอกจากจะไม่ต้องแสดงเชิงการถ่ายทอดเชิงความเป็นจริงตามตาเห็นแล้วยังจะต้องกลั่นกรองรูปทรงด้วยการวิเคราะห์และสังเคราะห์รูปทรงให้เหลือเพียงแก่นแท้ที่มั่นคงแข็งแรง

7. ภาพ เกอนีแค ค.ศ.1937 เป็นผลงานของศิลปินคนใด

ตอบ ปาเบล ปิคัสโซ

8. ผลงานศิลปที่ชื่อ บ้านที่เลสตัค ในพิพิธภัณฑ์ที่กรุงเบอร์น เป็นผลงานของศิลปินคนใด

ตอบ จอร์จ บราค

9. ผู้ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาของศิลปนามธรรมคือใคร

ตอบ แคนดินสกี จิตรกรชาวรัสเซีย

10. จิตกรลัทธินามธรรม เอ็กเพรสชันนิสม์ ที่มีชื่อเสียงและโดดเด่น ได้รับฉายาว่าเป็นจิตรกรแบบ Action Painting คือใคร

ตอบ แจคสัน พอลลอค

11. ศิลปลัทธิดาดามีพัฒนาการความคิดเริ่มแรกมาอย่างไร

ตอบ เตือนให้มนุษย์ตระหนักถึงผลลัพธ์ของสงคราม

12. การสลายตัวของศิลปินลัทธิดาดาเกิดขึ้นได้อย่างไร

ตอบ การเปลี่ยนแปลงสภาวการณ์โลกดีขึ้น และงานศิลปแนวลัทธิเซอร์-เรียลิสม์กำลังได้รับความนิยม ใน ค.ศ.1922

13. ศิลปลัทธิดาดาชื่อ น้ำพุ และภาพโมนาลิซามีหนวด เป็นผลงานของใคร

ตอบ มาร์เซิล ดูชัมป์

14. ศิลปินลัทธิเซอเรีย ลิสม์ที่ใช้ ทฤษฎีอันฉับพลันของความเข้าใจอันไร้เหตุผล อันมี

พื้นฐานมาจากการตความหมายเกี่ยวกับปรากฎการณ์ของจิตร อันแปรปรวนคือใคร

ตอบ ซันวาดอร์ ดาลี

15. ความหมายเชิงปรัชญาของ เซอร์ –เรียลิสม์ คืออะไร

ตอบ เชื่อในความจริงมากกว่ารูปแบบความสัมพันธ์บางอย่างที่ถูกละเลยมาก่อนหน้านี้


บทที่ 9 ลิทธิหลังสมัยใหม่นิยม(P0st-Modernism)และศิลปตะวันตกครึ่งหลังคริสต์ศตวรรษที่ 20ถึงปัจจุบัน
แบบฝึกหัดบทที่ 9

1. ศิลปะป๊อปอาร์ต มีลักษณะอย่างไร

ตอบ เกี่ยวข้องกับบุคคลในสังคมปัจจุบัน ที่กำลังได้รับความสนใจหรือวิพากษ์วิจารณ์มิใช่เทพนิยาย ประวัติศาสตร์หรือศาสนา

2. ศินปินที่นำรูปร่างของอาหารซึ่งเป็นที่นิยมของสมัยนี้มาจำลองด้วยการใช้ผ้ายัดนุ่นคล้ายหมอนเพื่อสร้างความเร้าใจแก่ผู้พบเห็นคือใคร

ตอบ แคลส์ โอลเดนเบอร์ก

3. จิตรกรอเมริกันที่กล่าวถึงศิลปป๊อปอาร์ต ว่าในความคิดของฉันเป็นศิลปะที่ไร้ยางอายที่สุดแห่งวัฒนธรรมของพวกเขาคือใคร

ตอบ รอย ลิชแทนสเตน

4. ศิลปะป๊อปอาร์ต รูปแบบอย่างไร

ตอบ เป็นศิลปนามธรรมเน้นขอบเขตที่คมกริบ มีการจัดวางทิศทางและลีลาของเส้น รูปร่าง หรือจุดบนพื้นระนาบให้เกิดการลวงตา

5. Kinetic Art หมายถึงอะไร

ตอบ เป็นศัพท์ทางฟิสิกส์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในทางศิลปะกาโบ

6. ผลงานชื่อหน้าผาที่ถูกห่อ ในศิลปแบบ Conceptual Art สร้างสรรค์โดยศิลปินชื่ออะไร

ตอบ คริสโต

7. สร้างสรรค์ทางศิลปชื่อเขียนขดก้นหอย คือผลงานของใคร

ตอบ George Steinmetz.


บทที่ 10 แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในยุโรป

แบบฝึกหัดบทที่ 10

1. พระสันตปาปาทรงนำดินแดนอิตาลีส่วนใหญ่เข้าไปอยู่ภายใต้การคุ้มครอง ของ

อาณาจักรโรมัน นศักสิทธิ์ในสมัยใด

ตอบ สมัยยุคกลาง

2. Papal State เกิดขึ้นเมื่อใด

ตอบ ปลายศตวรรษที่ 15

3. ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการสร้างชาติอิตาลี ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19

คือใคร

ตอบ พระเจ้าวิกเตอร์เอมมานูเอลแห่งซาร์ดีเนีย

4. ในอดีต สนามกีฬา Colosseum จุคนได้กี่คน

ตอบ 67000-80000 คน

5. จุดกำเนิดของเพลง ทรี คอย ออฟ เดอะ ฟาวน์เท่น ที่กรุงโรมคืออะไร

ตอบ น้ำพุเทรวี

6. มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เป็นมหาวิหารที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกันเนื่องจาก

อะไร

ตอบ เชื่อกันว่าเปนสถานที่ฝังร่างของนักบุญปีเตอร์ หนึ่งในสาวก สิบสององค์ของพระเยซู

7. นักวิทยาศาสตร์ทางอิตาเลี่ยนซึ่งทดลองเรื่องความเร็วของวัตถุที่ตกลงมาจากที่สูง ณ หอ เอนปิซา

คือใคร

ตอบ กาลิเลโอ

8. ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นใหญ่ว่าหกเหลี่ยม เนื่องจากอะไร

ตอบ รูปทรงทางกายภาพของประเทศ

9. หอไอเฟล ตั้งอยู่ที่ใด

ตอบ ปารีส ฝรั่งเศส

10. พระราชวังแวร์ซายส์ ตั้งอยู่ในกรุงปารีสเป็นพระราชวังที่สวยงาม น่ามหัศจรรย์ยิ่งแห่งหนึ่งของโลก

สร้างโดยใคร

ตอบ พระเจ้าหลุยส์ ที่ 14

11. ภาพเขียนโมนาลิซาองดาวินซี ปัจจุบันอยู่ที่ใด

ตอบ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

12. สวิตเซอแลนกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในปี 1863 เมื่อใครจัดทัวร์

ครั้งแรกจากอังกฤษ ไปยังสวิตเซอร์แลนด์

ตอบ โทมัสคุ๊ก

13. พวกที่ย้ายถิ่นเข้ามาอาศัยอยู่ในเขตทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์สวิตเซอแลนเมื่อ10000 ปีก่อน

คริสตศักราชคือคนกลุ่มใด

ตอบ กลุ่มนักล่าสัตว์และคนเร่ร่อน

14. ในยุคจักวรรดิ โรมันอันศักสิทธิ์ สนธิสัญญา Verdun ในปี 834 ทำให้พื้นที่ทางทิศตะวันตกของสวิ

ตเซอแลนด์ตกอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ Lothair ที่ 1 ส่วนทางด้านตะวันออก อยู่ภายใต้การ

ปกครองของกษัตริย์องค์ใด

ตอบ Louis the German

15. ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1และ2 สวิตเซอแลนด์ได้วางตัวเป็นกลางทางการทหารบทบาทสำคัญ

เพียงอย่างเดียวของประเทศสวิตเซอแลนด์ในสงครามโลกครั้งที่ 1 คืออะไร

ตอบ การส่งสภากาชาติเข้ามาช่วยเหลือ

16. ประเทศสวิตเซอแลนด์เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา เซ็งเก็นซึ่งมีใจความสำคัญว่าอย่างไร

ตอบ นักท่องเที่ยวที่มีใบอนุญาติเซงเก็นแบบมัลติเพิลของประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถเดินทางเข้าออกประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่ารวม 26 ประเทศ

17. อาหารขึ้นชื่อของซูริกคืออะไรบ้าง

ตอบ เกซเนตเซลเตส และราทส์เฮเลนโตฟ

18. ประสาทที่ปรากฎในการ์ตูนของวอล ดิสนีย์นำรูปแบบมาจากประเทศอะไรในสวิตเซอแลนด์

ตอบ ปราสาทตูน

19. เมืองต้นกำเนิดของชัส ยี่ห้อเอ็ม เมนทัลและชอคโกแลตทรงสามเหลี่ยมท็อปเบิลโรน คือเมืองใด

ตอบ เบิร์น

20. สัญลักษณ์ของเมืองเบิร์นคืออะไร

ตอบ หมี

21. อนุเสารีย์สิงโตมีความสำคัญอย่างไร

ตอบ เป็นอนุเสารีย์ที่สร้างให้กับทหารที่เป็นองครักษ์ให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ซึ่งเสียชีวิต 786 คนใ นการปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส

22. เมืองศูนย์กลางการจัดนิทรรศการหลัก อีกเมืองหนึ่งของประเทศสวิตเซอแลนด์ คือ

ตอบ ซูริค

23. พิพิธภัณฑ์ใดได้รับยกย่องว่าสวยงามเป็นอันดับสองของโลก และมีชื่อเสียงมากที่สุดของมาดริด

และเป็นแหล่งสะสมภาพเขียนล้ำค่าแห่งหนึ่งของโลกคือ ที่ใด

ตอบ พิพิธภัณฑ์ปราโด

24. ปลาซ่า มายอร์ มีความสำคัญอย่างไร

ตอบ เคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น ราชาภิเษก สนามสู้วัวกระทิง

25. ผลงานส่วนใหญ่ของ ปิกัสโซ ที่บาเซโลนาสเปน อุทิศให้แก่ใคร

ตอบ เพื่อนรักของเขา คือ ซาบาร์เตส

26. เทศกาลวิ่งวัวกระทิงของเมืองแปรมโปรนาในสเปนจัดขึ้นในวัน Siant Fermin Day

นักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่ออะไร

ตอบ ชมการแสดงโชว์หวาดเสียวของวัวกระทิง

27. ข้าวหมกสเปนมีต้นกำเนิดจากที่ใด

ตอบ บาเลนเซีย

28. Sangria เครื่องดื่มยอดนิยมของชาวสเปน มีส่วนผสมของอะไรบ้าง

ตอบ ไวน์แดง บรั่นดี น้ำอัดลม และผลไม้

29. ชาวโครแอทอพยพมาจากทางเหนือของยุโรปช่วงศตวรรษที่6และอยู่ภายใต้การปกครองของ อาณาจักร

ตอบ ไบแทนไซต์

30. หลังสงครามโกลครั้งที่2 มีการตั้งสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวียในปี 2488 ภายใต้การ นำของจอมพลติโต ประกอบด้วยอะไรบ้าง

ตอบ เซอร์เบีย โครเอเซีย สโลวีเนีย บอสเนีย เฮอร์เซโกวินา มอนเตเนโกร มาซิโดเนีย มณฑลโคโซโว และวอยโวดินา

31. ประเทศไทยได้รับการรับรองเอกราชของโครเอเชียเมื่อไร

ตอบ ค.ศ. 1990

32. ปัจจุบันมหาวิหาร เซน สตีเฟนที่มีเมืองซาเกรปมีลักษณะทางศิลปแบบใด

ตอบ แบบนีโอ กอธิค

33. มหาวิหารเซนต์เจมส์ที่เมืองไซเบนิค ซึ่งสร้างขึ้น 1431-1535 เป็นสถาปัตกรรมที่ผสมผสาน อะไรบ้าง

ตอบ ดาลมาเซียท้องถิ่น ศิลปะทางเหนือของอิตาลีและศิลปะทัศคานี

34. ได้รับฉายา แคลิโฟเนีย แห่งเมืองโครเอเชียคือเมืองใด

ตอบ Trogir

35. ชื่อเดิมของประเทศตุรกีคืออะไร

ตอบ จักรวรรดิออตโตมัน

36. House of Verjin Mary บ้านของพระแม่มารีมีความสำคัญอย่างไร

ตอบ เป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีอาศัยและสิ้นพระชนม์ที่นี่

37. เมืองเอฟฟิซุส สำคัญอย่างไรต่อจักรวรรดิโรมัน

ตอบ เคยเป็นที่พักอาศัยของชาวโยนกและเคยเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน

38. พระราชวังโดลมาบาชเช่ สร้างโดยใคร

ตอบ สุลต่านอับดุล เมอซิท

39. เหตุใดนาฬิกาทุกเรีอนของพระราชวังโดลมาบาชเช่จึงชี้ที่ 09.05 เป็นนิจนิรันดร์

ตอบ เพื่อเป็นการรำลึกของการจากไปเมื่อวันที่ 10 พ ย. 1938 ของอาคาล อาตาเติร์ก

40. อาหารประจำชาติตุรกีคืออะไร

ตอบ กะบับ